top of page

เทคโนโลยี AirGel ต่างจากเมมโมรี่โฟมอย่างไร?

  • Writer: Mew Mochifuton
    Mew Mochifuton
  • 2 days ago
  • 1 min read
ree

เมื่อพูดถึงที่นอนยุคใหม่ หลายคนอาจคุ้นชื่อ “เมมโมรี่โฟม” กันดี แต่ปัจจุบันมีนวัตกรรมใหม่จากญี่ปุ่นที่ชื่อว่า AirGel Technology ซึ่งถูกออกแบบมาให้เหนือกว่าโฟมทั่วไปทั้งด้านความเย็น ความยืดหยุ่น และการรองรับสรีระ


1. AirGel เย็นกว่าและระบายอากาศดีกว่า

จุดเด่นของ AirGel คือ โครงสร้างตาข่ายสามมิติ (AirGel Grid) ที่ช่วยให้อากาศหมุนเวียนได้ตลอดเวลา ต่างจากเมมโมรี่โฟมที่กักเก็บความร้อน จึงทำให้ที่นอน AirGel เย็นกว่า ไม่อับ ไม่เก็บเหงื่อ เหมาะกับอากาศร้อนแบบเมืองไทย


2. AirGel รองรับแรงกดทับได้ดีกว่า

AirGel มีคุณสมบัติ ยืดหยุ่นเฉพาะจุด คือจะนุ่มในบริเวณที่รับแรงกด เช่น ไหล่และสะโพกแต่ยังคงความแน่นในส่วนที่ต้องการพยุง เช่น หลังและเอว ในขณะที่เมมโมรี่โฟมมักยุบตัวตามน้ำหนัก ทำให้บางคนรู้สึกจมเกินไป


ree

3. AirGel คืนตัวได้เร็ว ไม่ยวบ ไม่สะสมแรง

โครงสร้างของ AirGel ทำให้วัสดุคืนรูปทันทีเมื่อเคลื่อนไหว เหมาะสำหรับคนที่พลิกตัวบ่อยในระหว่างนอนส่วนเมมโมรี่โฟมจะมีการหน่วงตัวก่อนคืนรูป ทำให้รู้สึกหนืด และอาจรบกวนการนอนในระยะยาว


4 AirGel ปลอดภัย ไม่ดูดความชื้น ไม่เกิดเชื้อรา

AirGel ผลิตจากวัสดุเกรดทางการแพทย์  ไม่ดูดซับน้ำ ไม่ก่อให้เกิดเชื้อรา และปราศจากสารเคมีตกค้างจึงเป็นวัสดุที่เหมาะกับคนแพ้ง่ายหรือภูมิแพ้ฝุ่น


ree

สรุปได้ว่า AirGel คืออนาคตของที่นอนยุคใหม่ ด้วยคุณสมบัติการระบายอากาศเยี่ยม การรองรับสรีระเฉพาะจุด และวัสดุที่คืนรูปได้เร็ว AirGel Technology  จึงถูกยกให้เป็นเทคโนโลยีที่นอนแห่งอนาคต ที่เหนือกว่าเมมโมรี่โฟมในทุกมิติของการนอนหลับ


 
 
 

Comments


bottom of page